ศวท : ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (LAS: Liberal Arts, Science and Technology) https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science <p><strong>วารสาร ศวท</strong><strong>: ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี</strong></p> <p><strong>LAS: Liberal Arts, Science and Technology Journal</strong></p> <p><strong>เป้าหมายและขอบเขตการรับตีพิมพ์</strong></p> <p>รับตีพิมพ์ผลงานทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษประกอบด้วย บทความวิจัย (Research Article) บทความปริทัศน์ (Review Article) และรายงานฉบับย่อ (Short communication) เพื่อเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ผลงานวิชาการของคณาจารย์ นักวิชาการ บุคลากร ทั้งภายในและภายนอกคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้เรื่องที่ส่งมาตีพิมพ์ในวารสารต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ในระหว่างพิจารณาตีพิมพ์ ในวารสารหรือหนังสืออื่น การเขียนบทความต้นฉบับ (Manuscript) ต้องตรงตามรูปแบบที่วารสารกำหนดโดยมีหัวข้อรับตีพิมพ์ที่กว้างและหลากหลายสาขาประกอบด้วย</p> <p>The Journal attracts papers from a broad spectrum of the scientific community. The LAS publishing original research from across all areas of the Social Sciences as well as Science and Technology.</p> <p><strong>ด้านสังคมศาสตร์ (Social Sciences)</strong></p> <p>1. บริหารธุรกิจ การจัดการ และการบัญชี (Business, Management and Accounting) ได้แก่<br /> 1.1 บริหารธุรกิจทั่วไป การจัดการ และการบัญชี (General Business, Management and Accounting)<br /> 1.2 การบัญชี (Accounting)<br /> 1.3 บริหารธุรกิจ และการจัดการระหว่างประเทศ (Business and International Management) <br /> 1.4 การตลาด (Marketing)<br /> 1.5 พฤติกรรมองค์กรและการจัดการทรัพยากรมนุษย์ (Organizational Behavior and Human Resource Management) <br /> 1.6 กลยุทธ์และการจัดการ (Strategy and Management) <br /> 1.7 อุตสาหกรรมสัมพันธ์ (Industrial Relations) <br /> 1.8 การจัดการโลจิสติกส์ (Logistics Management) <br /> 1.9 การจัดการการผลิตและบริหารอุตสาหกรรม (Operation Management and Industrial Management)<br />2. เศรษฐศาสตร์ เศรษฐมิติ และการเงิน (Economics, Econometrics and Finance) ได้แก่<br /> 2.1 เศรษฐศาสตร์ทั่วไป เศรษฐมิติ และการเงิน (General Economics, Econometrics and Finance)<br /> 2.2 เศรษฐศาสตร์และเศรษฐมิติ (Economics and Econometrics) <br /> 2.3 การเงิน (Finance) <br />3. สังคมศาสตร์ (Social Sciences) ได้แก่ <br /> 3.1 กฎหมาย (Law)<br /> 3.2 สังคมวิทยา (Sociology)<br /> 3.3 รัฐศาสตร์ (Political Science) <br /> 3.4 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (International Relations) <br /> 3.5 รัฐประศาสนศาสตร์ หรือบริหารรัฐกิจ หรือการบริหารงานภาครัฐ (Public Administration)</p> <p><strong>ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ (Science and Technology)</strong></p> <p>1. วิทยาศาสตร์ชีวภาพ (Biological Science) ได้แก่ เกษตรศาสตร์ (Agricultural Science) สิ่งแวดล้อม (Environmental Science) ชีววิทยา (Biology) พันธุศาสตร์ (Genetic) จุลชีววิทยา (Microbiology) ชีวเคมี (Biochemistry) เทคโนโลยีการอาหาร (Food Science and Technology) พืชศาสตร์ (Plant Science) สัตวศาสตร์ (Animal Science) และเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว (Post-Harvest)</p> <p>2. วิทยาศาสตร์กายภาพ (Physical Science) ได้แก่ เคมี (Chemistry) ฟิสิกส์ (Physic) คณิตศาสตร์ (Mathematics) วิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer Science) และวัสดุศาสตร์ (Materials Science)</p> <p>3. วิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Sciences) ได้แก่ การสร้างเสริมสุขภาพ (Health Promotion) อนามัยสิ่งแวดล้อม (Environmental Health) อาชีวอนามัยและความปลอดภัย และวิทยาศาสตร์สุขภาพสาขาอื่นๆ</p> <p><strong>กำหนดตีพิมพ์</strong></p> <p>-ปีละ 3 ฉบับ (ฉบับละ 6 เรื่องหรือมากกว่า)</p> <p>ฉบับที่ 1 มกราคม-เมษายน</p> <p>ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม</p> <p>ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม</p> <p><strong>การประเมินบทความต้นฉบับ </strong></p> <p>ต้นฉบับจะต้องผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer review) ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกสังกัดของเจ้าของบทความ และจากหลากหลายสถาบัน จำนวน 3 ท่านต่อบทความ โดยผู้ทรงคุณวุฒิไม่ทราบชื่อผู้นิพนธ์และผู้นิพนธ์ไม่ทราบชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ (Double-blind peer review) กองบรรณาธิการจะเป็นผู้สรรหาเพื่อรับการประเมิน กรณีมีการแก้ไขกองบรรณาธิการจะส่งผลการอ่านประเมินคืนผู้เขียนให้แก้ไขหรือเพิ่มเติม หรือแล้วแต่กรณี</p> <p><strong>นโยบายด้านค่าธรรมเนียม </strong></p> <p>ไม่มีค่าใช้จ่ายในการส่งบทความเพื่อตีพิมพ์กับวารสาร</p> <p><strong>การส่งต้นฉบับ</strong></p> <p>จัดส่งต้นฉบับที่พิมพ์ตามข้อกำหนดของรูปแบบวารสารที่เว็บไซต์ https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/ (เมนู About ไปที่การส่งบทความ)</p> th-TH Jinnaput.c@ku.th (จิณณพัต ชื่นชมน้อย) Jinnaput.c@ku.th (จิณณพัต ชื่นชมน้อย) Thu, 04 Dec 2025 17:28:03 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การจำแนกแบคทีเรียที่สร้างเอกตร้าเซลลูลาร์เอนไซม์จากตะกอนบ่อเลี้ยงกุ้ง https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/4162 <p>การทำฟาร์มเลี้ยงกุ้งเป็นหนึ่งในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่แพร่หลายในหลายจังหวัดของประเทศไทย การสะสมของอินทรียวัตถุ รวมถึงอาหารที่เหลือจากการกิน ขี้กุ้ง และซากสัตว์ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคในกุ้งและทำให้เกิดปัญหาน้ำเสีย แบคทีเรียบางชนิดสามารถผลิตเอนไซม์ที่ช่วยย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาน้ำเน่าเสียได้ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและระบุชนิดแบคทีเรียที่แยกจากดินตะกอนบ่อเลี้ยงกุ้งในการผลิตเอกตร้าเซลลูลาร์เอนไซม์ จำนวน 5 ชนิด แยกแบคทีเรียได้ทั้งสิ้น 20 ไอโซเลต นำมาระบุชนิดโดยการวิเคราะห์ลำดับเบสของยีน 16S rRNA พบว่าจัดอยู่ใน 5 สกุล 10 ชนิดที่แตกต่างกัน จัดอยู่ในสกุล <em>Arthrobacter </em>จำนวน 6 ไอโซเลต สกุล <em>Pseudarthrobacter</em> จำนวน 1 ไอโซเลต สกุล <em>Bacillus</em> จำนวน 6 ไอโซเลต สกุล <em>Sinomonas</em> จำนวน 5 ไอโซเลต และสกุล <em>Methylobacterium</em> จำนวน 2 ไอโซเลต แบคทีเรียทั้ง 20 ไอโซเลต มีความสามารถในการผลิตเอนไซม์ได้อย่างน้อย 1 ชนิด โดยมีจำนวน 18 ไอโซเลต ผลิตเอนไซม์อะไมเลส จำนวน 12 ไอโซเลต ผลิตเอนไซม์ไลเปส จำนวน 10 ไอโซเลต ผลิตเอนไซม์เจลาติเนส จำนวน 6 ไอโซเลต ผลิตเอนไซม์เคซีเนส และจำนวน 6 ไอโซเลต ผลิตเอนไซม์เซลลูเลส และมีแบคทีเรีย 3 ไอโซเลตซึ่งจัดอยู่ในสกุล <em>Bacillus </em>คือ KUSK64-04,KUSK64-10 และ KUSK64-15 ผลิตเอนไซม์ได้ทั้ง 5 ชนิด เชื้อแบคทีเรียเหล่านี้มีศักยภาพในการนำมาศึกษาต่อเพื่อประยุกต์ใช้ในการบำบัดน้ำเสียในบ่อเลี้ยงกุ้งได้ในอนาคต</p> เอกศิษฏ์ สุพรรณโรจน์, รัชนี มิ่งมา ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ศวท : ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (LAS: Liberal Arts, Science and Technology) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/4162 Thu, 04 Dec 2025 00:00:00 +0700 คุณภาพการให้บริการที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการขนส่งพัสดุแบบด่วนของผู้ใช้บริการในจังหวัดนครปฐม https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/5236 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภาพการให้บริการ และการตัดสินใจเลือกใช้บริการขนส่งพัสดุแบบด่วนของผู้ใช้บริการในจังหวัดนครปฐม (2) ศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวกับคุณภาพการให้บริการที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการขนส่งพัสดุแบบด่วนของผู้ใช้บริการในจังหวัดนครปฐม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.951 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วย ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษา พบว่า (1) กลุ่มตัวอย่างคุณภาพของการบริการ 5 ด้าน ของบริการขนส่งพัสดุแบบด่วนของผู้ใช้บริการในจังหวัดนครปฐม ภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก โดยมีคุณภาพการให้บริการ ด้านที่มีคุณค่ามากที่สุด ซึ่งข้อที่มีค่าเฉลี่ยคุณภาพการให้บริการมากที่สุด คือ เข้าใจการรับรู้ความต้องการของ และ บริษัทขนส่งแสดงความเห็นอกเห็นใจสามารถแก้ปัญหาให้กับลูกค้า (2) ปัจจัยที่เกี่ยวกับคุณภาพการให้บริการที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการขนส่งพัสดุแบบด่วนของผู้ใช้บริการในจังหวัด มีตัวแปรอิสระทั้งหมด 3 ด้าน ที่เข้าสู้สมการถดถอยแบบพหุคูณ ได้แก่ ด้านความน่าเชื่อถือ ด้านการตอบสนอง และ ด้านการเข้าใจการรับรู้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p> วรรธนะพล ชินโชติลี้สกุล, พิสมัย เหล่าไทย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ศวท : ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (LAS: Liberal Arts, Science and Technology) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/5236 Thu, 04 Dec 2025 00:00:00 +0700 ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรของพนักงานบริษัทผลิตกระป๋องบรรจุอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/6189 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยความผูกพันต่อองค์กร ปัจจัยการรับรู้การสนับสนุนจากองค์กร และพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กร ของพนักงานบริษัทผลิตกระป๋องบรรจุอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร 2) เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กร ของพนักงานบริษัทผลิตกระป๋องบรรจุอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ 3) เพื่อศึกษาปัจจัยความผูกพันต่อองค์กรและปัจจัยการรับรู้การสนับสนุนจากองค์กรที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กร ของพนักงานบริษัทผลิตกระป๋องบรรจุอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ พนักงานบริษัทผลิตกระป๋องบรรจุอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 130 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติวิเคราะห์ t-test สถิติวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) การวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นพหุคูณ (Multiple Linear Regression Analysis) และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นอย่างง่าย (Simple Linear Regression Analysis) ผลการวิจัยพบว่า 1) พนักงานส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป สถานภาพสมรส ระดับการศึกษาต่ำกว่าระดับปริญญาตรี ระยะเวลาการปฏิบัติงาน ตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป และอยู่แผนกผลิตสินค้า มีความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยความผูกพันต่อองค์กร และปัจจัยการรับรู้การสนับสนุนจากองค์กรโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง และความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรโดยรวมอยู่ในระดับมาก 2) ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ปัจจัยส่วนบุคคล ด้านอายุที่แตกต่างกันมีพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ 3) ปัจจัยความผูกพันต่อองค์กร ได้แก่ ด้านเชิงการลงทุนและด้านเชิงหน้าที่ ส่งผลต่อพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยสามารถทำนายพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรได้ร้อยละ 38.3 และปัจจัยการรับรู้การสนับสนุนจากองค์กร ได้แก่ ด้านผลตอบแทนและสวัสดิการ ด้านโอกาสก้าวหน้าและความรู้ในงาน ด้านความมั่นคงในงาน และด้านการปฏิบัติงาน ส่งผลต่อพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p> ชนิกานต์ แก้วน้อย , นิชานันท์ อาชีวะประดิษฐ , ชนิกานต์ พูนผล, สุวิชญา ฉัตรแก้ววรกุล , วลี สงสุวงค์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ศวท : ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (LAS: Liberal Arts, Science and Technology) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/6189 Thu, 04 Dec 2025 00:00:00 +0700 การผลิตถ่านชีวภาพในกระบวนการทอร์ริแฟคชันจากชีวมวลไผ่เพื่อทำนายค่าความร้อนสูงสุด https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/5278 <p>งานวิจัยนี้ศึกษาผลของกระบวนการทอร์ริแฟคชันต่อค่าความร้อนสูงสุดของชีวมวลไม้ไผ่ โดยทำการเผาชีวมวลภาย ใต้อุณหภูมิ 200–400 °C ในสภาวะไร้ออกซิเจน โดยนำชีวมวลไม้ไผ่ทางการเกษตรผ่านการตากแห้ง (เฉลี่ย 35.27 °C) และบดผ่านตะแกรงขนาด 20, 60 และ 100 เมช ระบบทอร์ริแฟคชันที่สร้างขึ้นประกอบด้วยเตาเผาแบบท่อแนวนอน ชุดควบแน่นไอ และกระบอกใส่ชีวมวล การจำลองและออกแบบกระบวนการใช้โปรแกรม Aspen Plus V12.1 และ Design Expert V13.0 เพื่อวิเคราะห์ค่าความร้อนสูงสุด (HHV) หน่วย MJ/kg ซึ่งจากผลการวิเคราะห์โดยวิธีประมาณของไม้ไผ่ พบว่าค่าปริมาณสารระเหย ความชื้น คาร์บอนคงตัว และปริมาณเถ้าเท่ากับ 60.45, 6.73, 32.05 และ 1.84 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ ภายใต้เงื่อนไขทดสอบที่อนุภาค 60 เมช อัตราไนโตรเจน 25 มิลลิลิตร/นาที อุณหภูมิ 340 องศาเซลเซียส และเวลา 90 นาที ให้ค่าความร้อนสูงสุด 19.3945 เมกกะจูลต่อกิโลกรัม โดยมีค่าคลาดเคลื่อนเฉลี่ยเมื่อเทียบกับค่าทดลองเพียง 3.143 เปอร์เซ็นต์ ผลการศึกษาจุดที่เหมาะสมสำหรับกระบวนการทอร์ริแฟคชันของชีวมวล พบว่าที่อนุภาคขนาด 33.6813 เมช ไนโตรเจน 28.9080 mL/min อุณหภูมิ 339.225 °C เวลา 52.2639 นาที ให้ค่าความร้อนสูงสุด 19.4937 MJ/kg ในการทำนายค่าความร้อนสูงสุดด้วยการเรียนรู้ของเครื่องจากข้อมูล 279 ชุด พบว่า Kernel Ridge Regression (KRR) มีความแม่นยำสูงสุดที่ 87.64% ขณะเรียนรู้ และ 81.16% ในการทดสอบ เทียบกับ Support Vector Machine (SVM) ที่มีความแม่นยำ 60.60% และ 57.85% ตามลำดับ จึงสรุปได้ว่า KRR เหมาะสมกว่าสำหรับการพัฒนาเป็นเครื่องมือทำนายค่าความร้อนของชีวมวลไม้ไผ่</p> นพพร รัตนช่วง, ชัยวัฒน์ วามวรรัตน์, นิติกรณ์ โรจนนาค ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ศวท : ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (LAS: Liberal Arts, Science and Technology) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/5278 Thu, 04 Dec 2025 00:00:00 +0700 ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ประกอบการ: กรณีศึกษาร้านค้าตลาดนัด บริเวณบิ๊กซี จังหวัดสุพรรณบุรี https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/6585 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล สมรรถนะและคุณสมบัติเฉพาะบุคคล และพฤติกรรมของผู้ประกอบการร้านค้าตลาดนัดบริเวณบิ๊กซี จังหวัดสุพรรณบุรี 2) เพื่อศึกษาผลกระทบของปัจจัยส่วนบุคคล สมรรถนะและคุณสมบัติเฉพาะบุคคลที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ประกอบการร้านค้าตลาดนัดบริเวณบิ๊กซี จังหวัดสุพรรณบุรี ประชากรได้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าตลาดนัดในจังหวัดสุพรรณบุรีแห่งหนึ่ง จำนวน 150 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถาม ผลประเมินคุณภาพของเครื่อง มีค่าความสอดคล้อง (IOC) อยู่ระหว่าง 0.67–1.00 และค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามในแต่ละด้านอยู่ระหว่าง 0.76–0.93 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ความถี่ ร้อยละ และการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุ ผลการศึกษาพบว่า ผู้ประกอบการที่มีสมรรถนะและคุณสมบัติเฉพาะบุคคล ด้านทักษะการขาย มีลักษณะการเป็นผู้นำ ความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ประกอบการร้านค้าตลาดนัดบริเวณบิ๊กซี จังหวัดสุพรรณบุรีอย่างมีนัยสำคัญ</p> เสาวลักษณ์ สมัครวงษ์, ธัญสมร ปทุมสูติ, ศิรินยา พัทธคัน, พิชชาพร มนต์สิริวงศ์, พชร ใจอารีย์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ศวท : ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (LAS: Liberal Arts, Science and Technology) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/6585 Thu, 04 Dec 2025 00:00:00 +0700 การแยกและระบุชนิดแอคติโนมัยซีทที่ผลิตสารส่งเสริมการเจริญของพืช จากดินรอบรากตะไคร้ https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/7922 <p>แอคติโนมัยซีทเป็นกลุ่มของแบคทีเรียที่มีความสำคัญต่อพืช เพราะสามารถส่งเสริมการเจริญ ป้องกันการเกิดโรคในพืช และช่วยหมุนเวียนธาตุอาหารในดิน จุดประสงค์ในการวิจัยนี้เพื่อแยกและระบุชนิดแอคติโนมัยซีทจากดินรอบรากตะไคร้ และประเมินคุณสมบัติในการผลิตกรดอินโดล-3-แอซิติก (IAA) และแอมโมเนีย (NH3) จากการทดลองสามารถแยกเชื้อแอคติโนมัยซีทได้จำนวน 5 สายพันธุ์ ซึ่งทุกสายพันธุ์สามารถผลิต IAA และ NH3 ได้มีค่าระหว่าง 11.71±0.96 ถึง 43.41±0.80 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร และ 7.02±1.16 ถึง 33.77±1.00 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ตามลำดับ สายพันธุ์ A16 ผลิต IAA และ NH3 ได้สูงที่สุดอย่างมีนัยสำคัญ จากการวิเคราะห์ลายพิมพ์ DNA ด้วยเทคนิค Enterobacterial repetitive intergenic consensus-polymerase chain reaction (ERIC-PCR) และ Random amplified polymorphic DNA (RAPD) พบว่าเชื้อแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะลายพิมพ์ DNA ที่จำเพาะต่อแต่ละสายพันธุ์ จากการระบุสกุลของสายพันธุ์ A16 ด้วยการวิเคราะห์ลำดับนิวคลีโอไทด์ของยีน 16S rDNA พบว่าเป็นสมาชิกของสกุล Streptomyces โดยแอคติโนมัยซีทที่แยกได้เหมาะสมที่จะนำไปศึกษาคุณสมบัติในการยับยั้งเชื้อก่อโรคพืช และทดสอบคุณสมบัติในการส่งเสริมการเจริญของพืชในแปลงปลูกจริงต่อไป</p> นีลวรรณ พงศ์ศิลป์, จินตนาถ วงศ์ชวลิต, รัชนี มิ่งมา, พงศ์ระวี นิ่มน้อย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ศวท : ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (LAS: Liberal Arts, Science and Technology) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/7922 Thu, 04 Dec 2025 00:00:00 +0700