ศวท : ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (LAS: Liberal Arts, Science and Technology) https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science <p><strong>วารสาร ศวท</strong><strong>: ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี</strong></p> <p><strong>LAS: Liberal Arts, Science and Technology Journal</strong></p> <p><strong>เป้าหมายและขอบเขตการรับตีพิมพ์</strong></p> <p>รับตีพิมพ์ผลงานทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษประกอบด้วย บทความวิจัย (Research Article) บทความปริทัศน์ (Review Article) และรายงานฉบับย่อ (Short communication) เพื่อเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ผลงานวิชาการของคณาจารย์ นักวิชาการ บุคลากร ทั้งภายในและภายนอกคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้เรื่องที่ส่งมาตีพิมพ์ในวารสารต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ในระหว่างพิจารณาตีพิมพ์ ในวารสารหรือหนังสืออื่น การเขียนบทความต้นฉบับ (Manuscript) ต้องตรงตามรูปแบบที่วารสารกำหนดโดยมีหัวข้อรับตีพิมพ์ที่กว้างและหลากหลายสาขาประกอบด้วย</p> <p>The Journal attracts papers from a broad spectrum of the scientific community. The LAS publishing original research from across all areas of the Social Sciences as well as Science and Technology.</p> <p><strong>ด้านสังคมศาสตร์ (Social Sciences)</strong></p> <p>1. บริหารธุรกิจ การจัดการ และการบัญชี (Business, Management and Accounting) ได้แก่<br /> 1.1 บริหารธุรกิจทั่วไป การจัดการ และการบัญชี (General Business, Management and Accounting)<br /> 1.2 การบัญชี (Accounting)<br /> 1.3 บริหารธุรกิจ และการจัดการระหว่างประเทศ (Business and International Management) <br /> 1.4 การตลาด (Marketing)<br /> 1.5 พฤติกรรมองค์กรและการจัดการทรัพยากรมนุษย์ (Organizational Behavior and Human Resource Management) <br /> 1.6 กลยุทธ์และการจัดการ (Strategy and Management) <br /> 1.7 อุตสาหกรรมสัมพันธ์ (Industrial Relations) <br /> 1.8 การจัดการโลจิสติกส์ (Logistics Management) <br /> 1.9 การจัดการการผลิตและบริหารอุตสาหกรรม (Operation Management and Industrial Management)<br />2. เศรษฐศาสตร์ เศรษฐมิติ และการเงิน (Economics, Econometrics and Finance) ได้แก่<br /> 2.1 เศรษฐศาสตร์ทั่วไป เศรษฐมิติ และการเงิน (General Economics, Econometrics and Finance)<br /> 2.2 เศรษฐศาสตร์และเศรษฐมิติ (Economics and Econometrics) <br /> 2.3 การเงิน (Finance) <br />3. สังคมศาสตร์ (Social Sciences) ได้แก่ <br /> 3.1 กฎหมาย (Law)<br /> 3.2 สังคมวิทยา (Sociology)<br /> 3.3 รัฐศาสตร์ (Political Science) <br /> 3.4 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (International Relations) <br /> 3.5 รัฐประศาสนศาสตร์ หรือบริหารรัฐกิจ หรือการบริหารงานภาครัฐ (Public Administration)</p> <p><strong>ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ (Science and Technology)</strong></p> <p>1. วิทยาศาสตร์ชีวภาพ (Biological Science) ได้แก่ เกษตรศาสตร์ (Agricultural Science) สิ่งแวดล้อม (Environmental Science) ชีววิทยา (Biology) พันธุศาสตร์ (Genetic) จุลชีววิทยา (Microbiology) ชีวเคมี (Biochemistry) เทคโนโลยีการอาหาร (Food Science and Technology) พืชศาสตร์ (Plant Science) สัตวศาสตร์ (Animal Science) และเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว (Post-Harvest)</p> <p>2. วิทยาศาสตร์กายภาพ (Physical Science) ได้แก่ เคมี (Chemistry) ฟิสิกส์ (Physic) คณิตศาสตร์ (Mathematics) วิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer Science) และวัสดุศาสตร์ (Materials Science)</p> <p>3. วิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Sciences) ได้แก่ การสร้างเสริมสุขภาพ (Health Promotion) อนามัยสิ่งแวดล้อม (Environmental Health) อาชีวอนามัยและความปลอดภัย และวิทยาศาสตร์สุขภาพสาขาอื่นๆ</p> <p><strong>กำหนดตีพิมพ์</strong></p> <p>-ปีละ 3 ฉบับ (ฉบับละ 6 เรื่องหรือมากกว่า)</p> <p>ฉบับที่ 1 มกราคม-เมษายน</p> <p>ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม</p> <p>ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม</p> <p><strong>การประเมินบทความต้นฉบับ </strong></p> <p>ต้นฉบับจะต้องผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer review) ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกสังกัดของเจ้าของบทความ และจากหลากหลายสถาบัน จำนวน 3 ท่านต่อบทความ โดยผู้ทรงคุณวุฒิไม่ทราบชื่อผู้นิพนธ์และผู้นิพนธ์ไม่ทราบชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ (Double-blind peer review) กองบรรณาธิการจะเป็นผู้สรรหาเพื่อรับการประเมิน กรณีมีการแก้ไขกองบรรณาธิการจะส่งผลการอ่านประเมินคืนผู้เขียนให้แก้ไขหรือเพิ่มเติม หรือแล้วแต่กรณี</p> <p><strong>นโยบายด้านค่าธรรมเนียม </strong></p> <p>ไม่มีค่าใช้จ่ายในการส่งบทความเพื่อตีพิมพ์กับวารสาร</p> <p><strong>การส่งต้นฉบับ</strong></p> <p>จัดส่งต้นฉบับที่พิมพ์ตามข้อกำหนดของรูปแบบวารสารที่เว็บไซต์ https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/ (เมนู About ไปที่การส่งบทความ)</p> th-TH Jinnaput.c@ku.th (จิณณพัต ชื่นชมน้อย) Jinnaput.c@ku.th (จิณณพัต ชื่นชมน้อย) Thu, 07 Aug 2025 14:30:47 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การสนับสนุนทางสังคม ความเชื่อด้านสุขภาพและการป้องกันโรคเบาหวานของประชาชน อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/4193 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับการป้องกันโรคเบาหวานของประชาชน 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ อาชีพ และระดับการศึกษา การสนับสนุนทางสังคม ความเชื่อด้านสุขภาพกับการป้องกันโรคเบาหวานของประชาชน และ 3) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการป้องกันโรคเบาหวานของประชาชน กลุ่มตัวอย่างคือ ประชาชนในพื้นที่อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม จำนวน 381 คน การสุ่มตัวอย่างแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ คือ สถิติเชิงบรรยาย ค่าไคสแควร์ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สันและสถิติวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า 1) การป้องกันโรคเบาหวานของประชาชนภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง (x ̅ = 74.76) 2) การสนับสนุนทางสังคมและความเชื่อด้านสุขภาพมีความสัมพันธ์กับการป้องกันโรคเบาหวานของประชาชน และ 3) การสนับสนุนทางสังคมและความเชื่อด้านสุขภาพสามารถอธิบายความผันแปรของการป้องกันโรคเบาหวานของประชาชน ได้ร้อยละ 32 (Adjusted R2 = 0.32, p-value &lt;0.05) แนวทางพัฒนาคือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำผลการวิจัยไปวางแผนการส่งเสริมการสนับสนุนทางสังคมและสร้างความเชื่อด้านสุขภาพเพื่อให้ประชาชนมีการป้องกันโรคเบาหวานอย่างต่อเนื่องซึ่งจะส่งผลให้อัตราป่วยด้วยโรคเบาหวานลดลง และประชาชนมีสุขภาพแข็งแรงเพิ่มขึ้น</p> <p> </p> ณฐา เมธาบุษยาธร, ดุษณี บุญพิทักษ์สกุล Copyright (c) 2025 ศวท : ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (LAS: Liberal Arts, Science and Technology) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/4193 Thu, 07 Aug 2025 00:00:00 +0700 ความสัมพันธ์ของเงินทุนหมุนเวียนและความสามารถในการชำระหนี้ต่อผลตอบเเทนสินทรัพย์ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย : สะท้อนดัชนีความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น 50 ตัวแรก https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/4123 <p>การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาถึงความสัมพันธ์ของเงินทุนหมุนเวียนต่อผลตอบเเทนสินทรัพย์ 2) ศึกษาความสัมพันธ์ของความสามารถในการชำระหนี้ต่อผลตอบเเทนสินทรัพย์ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย: สะท้อนดัชนีความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น 50 ตัวแรก กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 บริษัท ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 – 2566 โดยเป็นการวิจัยเชิงปริมาณซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนา การวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า เงินทุนหมุนเวียนมีความสัมพันธ์เชิงลบกับผลตอบแทนสินทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ สะท้อนให้เห็นว่าการถือครองเงินทุนหมุนเวียนในระดับสูงอาจส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานในด้านความสามารถในการชำระหนี้ ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ยมีความสัมพันธ์เชิงลบกับ ผลตอบแทนสินทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในขณะที่ระยะเวลาในการชำระเงินเฉลี่ย มีความสัมพันธ์เชิงบวก เมื่อพิจารณาระดับอิทธิพลพบว่า ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ยมีอิทธิพลต่อผลตอบแทนสินทรัพย์มากที่สุด รองลงมาคือเงินทุนหมุนเวียน และระยะเวลาในการ ชำระเงินเฉลี่ย ตามลำดับ ผลการวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าองค์กรควรให้ความสำคัญกับการบริหารลูกหนี้การค้าและการรักษาระดับเงินทุนหมุนเวียนที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและผลตอบแทนจากสินทรัพย์</p> เตือนตา อินทคุณจินดา, จักรพันธ์ พงษ์เภตรา Copyright (c) 2025 ศวท : ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (LAS: Liberal Arts, Science and Technology) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/4123 Thu, 07 Aug 2025 00:00:00 +0700 ผลของการเติมเมทานอลต่อสมบัติเชิงโครงสร้าง สมบัติทางแสง และสมบัติทางไฟฟ้าของฟิล์ม พีดอท:พีเอสเอส https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/4086 <p>พีดอท:พีเอสเอส เป็นวัสดุนำไฟฟ้าโปร่งแสงที่มีศักยภาพสูงในการประยุกต์ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเซลล์แสงอาทิตย์ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของเมทานอลต่อสมบัติเชิงโครงสร้าง สมบัติทางแสง และสมบัติทางไฟฟ้าของฟิล์มพีดอท:พีเอสเอสที่มีการเติมเมทานอลในอัตราส่วน 1:1, 1:2, 1:4 และ 1:8 โดยทำการเคลือบพีดอท:พีเอสเอสที่มีการเติมเมทานอลบนกระจกนำไฟฟ้าชนิดดีบุกออกไซด์ที่เจือด้วยฟลูออรีน จากนั้นตรวจสอบลักษณะเฉพาะของฟิล์มด้วยเทคนิคเอกซเรย์ดิฟแฟรกชัน ฟูเรียร์ทรานส์ฟอร์มอินฟราเรดสเปกโตรสโคปี สเปกโตรสโคปีอัลตราไวโอเลต-วิสิเบิล และวิธีการวัดโพรบ 4 จุด เพื่อศึกษาโครงสร้างผลึก หมู่ฟังก์ชัน การส่งผ่านแสง และความต้านทานแผ่น ตามลำดับ ผลการวิเคราะห์พบว่าฟิล์มพีดอท:พีเอสเอส ไม่ปรากฎพีคโครงงสร้างผลึกที่ชัดเจน ซึ่งบ่งชี้ว่าโครงสร้างของพีดอท:พีเอสเอส ยังคงเป็นอมอร์ฟัส และหมู่ฟังก์ชันแสดงสัญญาณการสั่นของพันธะทางเคมีที่สำคัญที่สอดคล้องกับพีดอทและพีเอสเอส เช่น C-H, C=O, C-C, C-S และ SO42- ในขณะที่การส่งผ่านแสงเฉลี่ยในย่านแสงขาวมีค่าใกล้เคียงกันที่ประมาณ 75% ในทุกอัตราส่วน แสดงว่าการเติมเมทานอลไม่ส่งผลต่อสมบัติเชิงโครงสร้างและสมบัติทางแสงอย่างมีนัยสำคัญ แต่กลับพบว่าความต้านทานแผ่นรวมลดลงอย่างมีนัยสำคัญโดยมีค่าต่ำสุดที่ 6.69±0.04 /sq เมื่ออัตราส่วน พีดอท:พีเอสเอสต่อเมทานอลเท่ากับ 1:4 ดังนั้นการควบคุมอัตราส่วนเมทานอลที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญในการปรับปรุงสมบัติทางไฟฟ้าของฟิล์มพีดอท:พีเอสเอส</p> ทิพย์วรรณ รุ่งสว่าง , สุชีวัน กรอบทอง , สุทธิพจน์ วงศ์ฤกษ์ดี , สุภาพ ชูพันธ์ , คณิต มานะธุระ , นภัส แก้วตระกูลชัย , อภิลักษณ์ เอียดเอื้อ Copyright (c) 2025 ศวท : ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (LAS: Liberal Arts, Science and Technology) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/4086 Thu, 07 Aug 2025 00:00:00 +0700 การสื่อสารภายในองค์การ ความไว้วางใจในการทำงาน และประสิทธิผลในการทำงานของพนักงานบริษัทให้บริการโทรคมนาคมแห่งหนึ่ง https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/4137 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยการสื่อสารภายในองค์การ ความไว้วางใจในการทำงาน และประสิทธิผลในการทำงาน 2) เปรียบเทียบความไว้วางใจในการทำงานจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล 3) ศึกษาปัจจัยการสื่อสารภายในองค์การที่ส่งผลต่อความไว้วางใจในการทำงาน และ 4) ศึกษาปัจจัยความไว้วางใจในการทำงานที่ส่งผลต่อประสิทธิผลในการทำงาน ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ พนักงานบริษัทให้บริการโทรคมนาคมแห่งหนึ่ง จำนวน 93 คน ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบลำดับขั้น ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยการสื่อสารภายในองค์การ ความไว้วางใจในการทำงาน และประสิทธิผลในการทำงานโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2) พนักงานที่มีปัจจัยส่วนบุคคลแตกต่างกันมีความไว้วางใจในการทำงานไม่แตกต่างกัน 3) ปัจจัยการสื่อสารภายในองค์การ ด้านความแจ่มแจ้งของข่าวสาร ด้านผู้ส่งสาร และด้านความสม่ำเสมอต่อเนื่อง ส่งผลต่อความไว้วางใจในการทำงานของพนักงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 4) ปัจจัยความไว้วางใจในการทำงานส่งผลต่อประสิทธิผลในการทำงานของพนักงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01</p> นลัทพร ใบเนียม, บัณฑิตา บุญประถัมภ์, สุภาพร ศรัทธาครัง, อรรถพันธ์ อิ่มวิทยายุทธ, จุรีวรรณ จันพลา Copyright (c) 2025 ศวท : ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (LAS: Liberal Arts, Science and Technology) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/4137 Thu, 07 Aug 2025 00:00:00 +0700 ปัจจัยที่ส่งผลต่อความภักดีในตราสินค้าของลูกค้าเฟอร์นิเจอร์ ในเขตกรุงเทพมหานคร https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/4859 <p>การศึกษาวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับคุณภาพบริการ คุณค่าตราสินค้า ความไว้วางใจและความภักดีในตราสินค้าของลูกค้าเฟอร์นิเจอร์ในเขตกรุงเทพมหานคร และ 2) ปัจจัยที่ส่งผลต่อความภักดีในตราสินค้าของลูกค้าเฟอร์นิเจอร์ในเขตกรุงเทพมหานคร ใช้วิธีการวิจัยเชิงปริมาณ ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้บริโภคสินค้าเฟอร์นิเจอร์ จำนวน 205 คน โดยเลือกตัวอย่างตามความสะดวก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัย พบว่า 1) ระดับคุณภาพบริการ คุณค่าตราสินค้า ความไว้วางใจ และความภักดีในตราสินค้า ทุกด้านอยู่ในระดับมาก 2) ปัจจัยที่ส่งผลต่อความภักดีในตราสินค้าของลูกค้าเฟอร์นิเจอร์ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ คุณภาพบริการ (X1) คุณค่าตราสินค้า (X2) และความไว้วางใจ (X3) สามารถร่วมกันทำนายความภักดีในตราสินค้าของลูกค้าเฟอร์นิเจอร์ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้ร้อยละ 63.60 (R square= 636) สมการวิเคราะห์การถดถอย คือ<br />Y ̂_tot = -.137 + .238**(X1) + .263**(X2) + .537**(X3)</p> อานนท์ สำราญพันธุ์, พงษ์สันติ์ ตันหยง Copyright (c) 2025 ศวท : ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (LAS: Liberal Arts, Science and Technology) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/4859 Thu, 07 Aug 2025 00:00:00 +0700 ปริมาณสารพฤกษเคมีและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดดอกอัญชันด้วยวิธีการสกัดที่แตกต่างกัน https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/4555 <p>อัญชัน (<em>Clitoria ternatea</em>) เป็นพืชที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพมากมาย งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปริมาณสารพฤกษเคมี ได้แก่ สารประกอบฟีนอล ฟลาโวนอยด์ วิตามินซี และแอนโทไซยานิน รวมถึงฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระจากสารสกัดดอกอัญชันด้วยวิธีแช่หมัก (maceration) และการสกัดด้วยซอกห์เลต (Soxhlet extraction) ผลการศึกษาพบว่า สารสกัดดอกอัญชันมีปริมาณสารพฤกษเคมีและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นเมื่อความเข้มข้นเพิ่มขึ้น โดยมีปริมาณสารประกอบฟีนอลมากที่สุด (มีค่าสูงถึง 156.12±17.98 mg GAE/g extract) รองลงมา ได้แก่ ฟลาโวนอยด์ วิตามินซีและแอนโทไซยานิน ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบวิธีการสกัดพบว่า วิธีสกัดด้วยซอกห์เลต ส่งผลให้ปริมาณสารประกอบฟีนอล ฟลาโวนอยด์ และวิตามินซีสูงกว่าวิธีแช่หมัก ขณะวิธีแช่หมักส่งผลให้ปริมาณแอนโทไซยานินและสมบัติการรีดิวซ์ของสารสกัดสูงกว่า และวิธีการสกัดทั้งสองวิธีให้ผลไม่แตกต่างกันทางสถิติต่อฤทธิ์การกำจัดอนุมูลอิสระ DPPH โดยมีค่า EC<sub>50</sub> ของสารสกัดด้วยวิธีแช่หมักและวิธีสกัดด้วยซอกห์เลตเท่ากับ 1.49 และ 1.57 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ตามลำดับ จากผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าดอกอัญชันเป็นแหล่งสารพฤกษเคมีและสารต้านอนุมูลอิสระ โดยวิธีการสกัดมีผลต่อปริมาณสารสำคัญในดอกอัญชัน</p> กิตติพจน์ เพิ่มพูล, พิมลพรรณ เทียมกระโทก , พิมพ์ชนก สตภูมินทร์, อินทิรา ขูดแก้ว Copyright (c) 2025 ศวท : ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (LAS: Liberal Arts, Science and Technology) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://li04.tci-thaijo.org/index.php/art-science/article/view/4555 Thu, 07 Aug 2025 00:00:00 +0700