https://li04.tci-thaijo.org/index.php/scidru/issue/feed
วารสารวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
2024-12-24T18:26:55+07:00
ผู้ช่วยศาตราจารย์ ดร.กิตติ กอบัวแก้ว
journal-scidru@dru.ac.th
Open Journal Systems
<p>วารสารวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี จัดทำขึ้นเพื่อเป็นสื่อกลาง ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านวิชาการและงานวิจัย โดยตีพิมพ์บทความวิจัยและบทความวิชาการ ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีเนื้อหาครอบคลุมในสาขาต่าง ๆ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ประยุกต์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์</p>
https://li04.tci-thaijo.org/index.php/scidru/article/view/2336
Integration of Artificial Intelligence and Omics Technologies for Precision Oncology
2024-07-01T10:21:48+07:00
Sujimon Mungkalarungsi
Khunsujimon.m@gmail.com
Arada Subsiripaibool
earthymouse@gmail.com
Winthai Duang-Ngern
winthaydwngngein@gmail.com
Pitchayes Phonporton
pitchayes.pt@gmail.com
Ittiphat Siriwitpreech
nile.ittiphat@gmail.com
Chatnatda Ovatnupat
Confussionistheanswer@gmail.com
Kanruthay Ruktaengam
kanruthayrn@gmail.com
Thanaporn Chawanasunthorn
sarinya.050116@gmail.com
<p>This comprehensive review examines the integration of artificial intelligence (AI) and cancer treatment from an omics perspective. As cancer incidence and mortality rates continue to rise globally, understanding tumor heterogeneity and molecular subtypes has become essential for effective therapy. The review highlights the role of AI in analyzing omics data, including genomics, proteomics, transcriptomics, epigenomics, and metabolomics. AI-driven precision oncology significantly enhances diagnostics, treatment selection, and prognosis prediction by identifying complex patterns and correlations within large-scale datasets. By combining AI with various omics approaches, researchers are uncovering new insights into cancer biology, enabling more personalized therapeutic interventions. Additionally, the review explores the future potential of AI in oncology, focusing on the possibilities for improved patient outcomes and groundbreaking discoveries in cancer research.</p>
2024-10-10T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
https://li04.tci-thaijo.org/index.php/scidru/article/view/2716
Advancements in Precision Cancer Medicine: Integrating Artificial Intelligence with Metabolomics for Enhanced Diagnostic and Prognostic Accuracy
2024-09-18T15:03:38+07:00
Sujimon Mungkalarungsi
khunsujimon.m@gmail.com
ณัฐธกา ลิ่มระนางกูล
pair.nattaka@gmail.com
พิชญาภา อยู่ผ่อง
mylove.aim50@gmail.com
มัณฑนา คงธนกุศล
mantana19976@gmail.com
สุขณพัฒน์ จงสวัสดิ์วรกูล
pinhem@yahoo.com
สมปราชญ์ สุรทานต์นนท์
smprarthnsurthantnnth@gmail.com
ปุณชญา ตปนียะสถิต
punchaya1011@gmail.com
พัฐธิร์ชา เลี้ยววัฒนา
baibua.l26@dbsbangkok.ac.th
<p>Cancer is a complex disease that requires continued research and advancements in prevention and treatment. Understanding the metabolic alterations that occur in cancer cells is essential for developing precision cancer medicine. Metabolomics has emerged as a powerful tool for studying cancer metabolism.By profiling the metabolite composition of a cancer, metabolomics enables the identification of metabolic signatures associated with specific cancer types and stages, as well as the discovery of novel biomarkers for diagnosis and prognosis. By combining artificial intelligence with metabolomics, scientists can reveal perspectives on cancer biology, leading to tailored therapeutic strategies. This article provides a comprehensive review of the integration of artificial intelligence and metabolomics in precision cancer medicine approaches.</p>
2024-12-23T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
https://li04.tci-thaijo.org/index.php/scidru/article/view/1983
การพัฒนาแอปพลิเคชันร้านขายเฟอร์นิเจอร์
2024-03-29T14:32:03+07:00
ฉัตรพร ตาจินะ
631794002@crru.ac.th
ธิดาพร สุวรรณเวียง
631794010@crru.ac.th
อังศนา พงษ์นุ่มกูล
ms_angsana@crru.ac.th
<p>การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับร้านขายเฟอร์นิเจอร์ และ 2) ศึกษาความคิดเห็นของผู้ใช้งานต่อการใช้งานแอปพลิเคชันนี้แอปพลิเคชันพัฒนาขึ้นโดยใช้แพลตฟอร์ม Outsystems เพื่อเพิ่มความสะดวกในการให้บริการ ปรับปรุงการสั่งสินค้าของลูกค้า และลดข้อผิดพลาดในการทำงานรูปแบบเดิมของร้านเกียรติกานต์เฟอร์นิเจอร์ ผลการประเมินความคิดเห็นต่อการใช้งานแอปพลิเคชันจากผู้ใช้จำนวน 30 คน พบว่ามีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 4.01 S.D. = 0.81)</p>
2024-08-06T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
https://li04.tci-thaijo.org/index.php/scidru/article/view/2053
การกําจัดจุลินทรีย์ในกลุ่มเซลล์ยูคาริโอตในน้ำเสียโดยใช้สนามไฟฟ้าความถี่สูงและแรงดันไฟฟ้าแรงสูง
2024-04-11T15:35:18+07:00
ธีรวุฒิ แสวงบุญ
teerawut.s@dru.ac.th
อัครกิตติ์ ไชยธนกุลวัฒน์
chaithanakul@gmail.com
ณัฐที ถึงสุข
nuttee.t@dru.ac.th
มนัส ชะลูด
manut.qaz@gmail.com
<p>บทความนี้นำเสนอการกำจัดจุลินทรีย์ในกลุ่มเซลล์ยูคาริโอตในน้ำเสียโดยใช้สนามไฟฟ้าความถี่สูงและแรงดันไฟฟ้าแรงสูง หลักการและวิธีการกำจัดจุลินทรีย์กลุ่มนี้คือการใช้หลักการสร้างสนามไฟฟ้าแรงดันสูงและความถี่สูงให้กับวงจรสวิตชิงสำหรับจ่ายแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงผ่านหม้อแปลงไฟฟ้าฟลายแบค หลังจากผ่านหม้อแปลงไฟฟ้าฟลายแบคจะทำให้แรงดันไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นระหว่าง 1-30 กิโลโวลต์ และความถี่ระหว่าง 1-30 กิโลเฮิรตซ์ เพื่อจ่ายให้กับชุดกลไกอิเล็กโทรด แชมเบอร์ที่สร้างขึ้น โดยชุดกลไกอิเล็กโทรดแชมเบอร์จะเกิดปรากฏการณ์ในสภาวะโคโรนาเพื่อนำไปใช้สำหรับการกำจัดจุลินทรีย์ในกลุ่มเซลล์ยูคาริโอตในน้ำเสีย การวิจัยมีการทดสอบในหลายประเด็นประกอบด้วยการทดสอบวงจรควบคุมการทำงานของกลไกและการสร้างสัญญาณพัลส์วิทมอดูเลชันความถี่สูงพบว่ากลไกที่ออกแบบสามารถควบคุมแรงดันอินพุตกับแรงดันเอาต์พุตเมื่อความถี่เปลี่ยนแปลงได้ตามวัตถุประสงค์ เมื่อทดสอบความสัมพันธ์ของค่าแรงดันไฟฟ้าสูงคงที่และแปรผันค่าความถี่สูง และการทดสอบความสัมพันธ์ของค่าความถี่สูงคงที่และแปรผันค่าแรงดันไฟฟ้าสูงพบว่าความถี่ที่เหมาะสมคือ 10 กิโลเฮิรตซ์ และค่าแรงดันไฟฟ้าที่เหมาะสมคือ 30 กิโลโวลต์ ซึ่งเพียงพอต่อการกำจัดจุลินทรีย์ในกลุ่มเซลล์ยูคาริโอตในน้ำเสีย</p>
2024-11-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
https://li04.tci-thaijo.org/index.php/scidru/article/view/3366
การศึกษาการรับรู้ความปลอดภัยและพฤติกรรมความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
2024-11-29T14:26:32+07:00
ปราณี แซ่เจ็ง
pranee.s@dru.ac.th
อิสรีย์ ขันทอง
mayurin.k@dru.ac.th
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาระดับการรับรู้ความปลอดภัย และพฤติกรรมความปลอดภัยของนักศึกษาในการใช้ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ และ 2) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อการรับรู้ความปลอดภัย และพฤติกรรมความปลอดภัย โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 และ 4 ที่ใช้ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ ผลการศึกษาพบว่า 1) นักศึกษามีระดับการรับรู้ในทุกรายด้าน อยู่ในระดับมากที่สุด 2) การรับรู้ความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการทั้ง 4 ด้าน พบว่า ระดับการรับรู้ความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ด้านการจัดการองค์กร มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.32 + 0.66 และพฤติกรรมความปลอดภัยทั้ง 3 ด้าน พบว่า พฤติกรรมความปลอดภัยที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ด้านการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.51 + 0.70 จากข้อมูลดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อการนำไปจัดทำคู่มือความปลอดภัยในการห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ขึ้น เพื่อให้นักศึกษามีพฤติกรรมความปลอดภัยมากขึ้น </p>
2024-12-24T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
https://li04.tci-thaijo.org/index.php/scidru/article/view/3588
การผลิตเอทานอลและปุ๋ยด้วยหญ้าสลาบหลวง โดยวิสาหกิจชุมชน ผู้เลี้ยงสัตว์น้ำบ้านคลองบางกะสี ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
2024-12-24T18:26:55+07:00
ธีระพงษ์ ฟักอ่อน
Fakoon2531@gmail.com
อัครกิตติ์ ไชยธนกุลวัฒน์
chaithanakul@gmail.com
ณัฐที ถึงสุข
nuttee.t@dru.ac.th
ธีรวุฒิ แสวงบุญ
teerawut.s@dru.ac.th
ธารทิพย์ ธวัชวะชุม
thanthip1@yahoo.com
<p>หญ้าสลาบหลวง เป็นพืชที่สามารถพบได้ทั่วไป บริเวณริมบ่อดินเลี้ยงสัตว์น้ำ หญ้าสลาบหลวงเป็นพืชที่มีองค์ประกอบของเซลลูโลสสูง สามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยและเอทานอล งานวิจัยนี้เป็นการพัฒนาการใช้ประโยชน์จากหญ้าสลาบหลวงในรูปของเอทานอลและปุ๋ย โดยการมีส่วนร่วมของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงสัตว์น้ำบ้านคลองบางกะสี การสกัดเอทานอลจากหญ้าสลาบหลวงด้วยกระบวนการกำจัดลิกนิน การย่อย การหมักแบบกะที่สภาวะนิ่ง สามารถผลิตเอทานอลซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของการผลิตเชื้อเพลิงแข็งและสามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงแข็งเอทานอล มีคุณสมบัติ ด้านระยะเวลาติดไฟ เท่ากับ 69 วินาที ต่อตัวอย่าง 1 กรัม ซึ่งมีค่าสูงกว่าค่ามาตรฐาน มอก. 950-2547 กำหนดคือ 45 วินาที ต่อตัวอย่าง 1 กรัม สามารถลดการใช้เอทานอลทางการค้าเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตเชื้อเพลิงแข็ง โดยมีต้นทุนต่ำกว่าท้องตลาดถึง ร้อยละ 34.61 ผลพลอยได้จากการผลิตเอทานอล คือ กากเซลลูโลสสามารถนำมาต่อยอดทำปุ๋ย การวิจัยครั้งนี้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการผลิต การออกแบบและปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้มีความแข็งแรง ป้องกันการระเหยของตัวผลิตภัณฑ์ โดยภาพรวมชุมชนมีระดับการมีส่วนร่วมในการผลิตเชื้อเพลิงแข็งและปุ๋ย อยู่ในระดับมาก (𝑥̅ = 3.97, S.D. = 0.14)</p>
2024-12-25T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
https://li04.tci-thaijo.org/index.php/scidru/article/view/3273
การออกแบบผลิตภัณฑ์โต๊ะอเนกประสงค์ขนาดเล็ก สำหรับหอพักนักศึกษา
2024-11-13T17:01:01+07:00
เขตตะวัน ทรัพย์มา
Kettawanzalove1234@gmail.com
กรกฤช กอบัวแก้ว
Korakrit4711@gmail.com
จุฬาลักษณ์ จารุจุฑารัตน์
julalak.ja@bsru.ac.th
<p>โครงการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาสู่แนวทางในการออกแบบผลิตภัณฑ์โต๊ะอเนกประสงค์ขนาดเล็กสำหรับหอพักนักศึกษา 2) เพื่อศึกษาวัสดุและกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์โต๊ะอเนกประสงค์ขนาดเล็กสำหรับหอพักนักศึกษา 3) เพื่อประเมินความพึงพอใจต่อการใช้ผลิตภัณฑ์โต๊ะอเนกประสงค์ขนาดเล็ก การศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสานโดยคณะผู้วิจัยได้ศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายด้วยเครื่องมือ Moodboard เพื่อหาแนวคิดในการออกแบบและทำการออกแบบผลิตภัณฑ์โต๊ะอเนกประสงค์ขนาดเล็ก จำนวน 5 แบบ ใช้กลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง คือ นักศึกษาที่อาศัยอยู่ในหอพักขนาดจำกัด อายุ 18-22 ปี จำนวน 30 คน พบว่ารูปแบบที่ 5 มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ 4.50 ระดับความคิดเห็นมีความเหมาะสมมากที่สุด โดยมีหัวข้อที่มีความพึงพอใจมากที่สุดสามอันดับแรกคือ อันดับ 1 มีความสะดวกสบายในการในการใช้งานที่มีความเหมาะสมเฉลี่ย (x ̅ = 4.63) อยู่ในระดับมากที่สุด อันดับ 2 รูปทรงสวยงามน่าใช้ มีความเหมาะสมเฉลี่ย (x ̅ = 4.57) อยู่ในระดับมากที่สุด อันดับ 3 และ 4 ประโยชน์ใช้สอยเหมาะสมกับรูปร่างและมีรูปแบบตามสมัยนิยม มีความเหมาะสมเฉลี่ย (x ̅ = 4.53) อยู่ในระดับมากที่สุดหลังจากนั้นคณะผู้วิจัยได้นำรูปแบบที่ 5 มาเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะสม และมีรูปแบบผลิตภัณฑ์สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย</p> <p> </p>
2024-12-26T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี