วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
https://li04.tci-thaijo.org/index.php/stjrmutk
<p><strong>วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ </strong></p> <p>(Journal of Science and Technology Rajamangala University of Technology Krungthep)</p> <p>ISSN 2392-5647 (Print) ISSN xxxx-xxxx (Online)</p> <p>บรรณาธิการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ผิวพรรณ ประจันทน์ศรี</p> <p> </p> <p>วัตถุประสงค์ในการพิมพ์</p> <p>เพื่อเผยแพร่บทความวิชาการและบทความวิจัย ด้านวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สถาปัตยกรรมการออกแบบ เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเกษตร การบูรณาการความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับศาสตร์ต่าง ๆ ที่หลากหลาย รวมถึงวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารธุรกิจ หรือการศึกษา อีกทั้งเพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการ โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือ บุคลากรสายวิชาการและสายสนับสนุน นักวิจัย และนักศึกษา ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย</p> <p> </p>
Faculty of Science and Technology, Rajamagala University of Technology Krungthep
th-TH
วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
2392-5647
-
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีข้อมูลขนาดใหญ่สำหรับการวางกลยุทธ์การตลาดสมุนไพรและเชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียวิสาหกิจชุมชนสมุนไพร
https://li04.tci-thaijo.org/index.php/stjrmutk/article/view/4440
<p>การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีข้อมูลขนาดใหญ่สำหรับการวางกลยุทธ์การตลาดสมุนไพรและเชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียวิสาหกิจชุมชนสมุนไพร มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีข้อมูลขนาดใหญ่ในการพิจารณาแนวโน้มการวางกลยุทธ์การตลาดสมุนไพร และการเชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียวิสาหกิจชุมชนสมุนไพร เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและความยั่งยืนของธุรกิจสมุนไพรในประเทศไทย เป็นการศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับส่วนประสมทางการตลาดสมุนไพรและห่วงโซ่อุปทานสมุนไพร กรณีศึกษาตำบลเจริญเมือง อำเภอพาน จังหวัดเชียงรายด้วยการสอบถามผู้บริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพร ส่วนประสมทางการตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพร ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพร และสัมภาษณ์เชิงลึกกับหน่วยงานภาครัฐที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตสมุนไพร กลุ่มประชากรตัวอย่างที่เป็นผู้บริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพรจำนวน 400 ตัวอย่าง เทียบกับการวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจขนาดใหญ่ด้วย UiPath และ Google Trends เพื่อศึกษาแนวโน้มทางการตลาดสมุนไพร พบว่าผลการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นไปในทิศทางเดียว นั่นคือแนวโน้มการค้นหาแสดงให้เห็นว่า ส่วนประสมทางการตลาดด้านช่องทางการจัดจำหน่ายมีความสำคัญต่อผู้บริโภคมากที่สุด จึงสามารถนำเอาผลการวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจขนาดใหญ่สำหรับการวางกลยุทธ์การตลาดสมุนไพรและเชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรได้</p>
เดือนเพ็ญ มะโนเรือง
กรปภา จันทาพูน
ภัทราพร สมเสมอ
วรรธนะรัตน์ ไชยวงศ์
กิ่งกาญจน์ ปวนสุรินทร์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-31
2025-08-31
2 2
1
9
-
การพัฒนาสื่อการให้ความรู้เรื่องการใช้งานเครื่องมือและความปลอดภัย ของศูนย์วินิจฉัยและชันสูตรโรคสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มทร. ศรีวิชัย ทุ่งใหญ่
https://li04.tci-thaijo.org/index.php/stjrmutk/article/view/4930
<p>การพัฒนาสื่อการให้ความรู้เรื่องการใช้งานเครื่องมือและความปลอดภัยของศูนย์วินิจฉัยและชันสูตรโรคสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มทร.ศรีวิชัย ทุ่งใหญ่ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาสื่อการให้ความรู้เรื่องการใช้งานเครื่องมือและความปลอดภัยของศูนย์วินิจฉัยและชันสูตรโรคสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มทร.ศรีวิชัย ทุ่งใหญ่ และเพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสนใจของผู้เรียน เกิดจากการสำรวจปัญหาความต้องการของนักศึกษาที่ต้องการสื่อออนไลน์เรื่องวิธีการใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ของศูนย์วินิจฉัยและชันสูตรโรคสัตว์โดยการจัดทำสื่อออนไลน์มีขั้นตอนคือ 1) เขียนบทรายการวีดิทัศน์ 2) ส่งให้ที่ปรึกษาโครงการตรวจสอบ 3) บันทึกเสียง 4) ดำเนินการถ่ายทำ 5) ตัดต่อลงเสียง 6) ส่งที่ปรึกษาโครงการตรวจสอบและส่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิประเมินความสอดคล้อง (Index of Item Objective Congruence : IOC) ศึกษาประเมินความพึงพอใจ ซึ่งมากกว่า 0.5 หมายถึงใช้ได้ 7) ปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำ 8) ผู้ทรงคุณวุฒิตรวจสอบ 9) อัปโหลดสื่อวีดิทัศน์ในช่องยูทูบ (You Tube) 10) คัดลอกลิงก์แขวนในเฟสบุ๊คศูนย์วินิจฉัยและชันสูตรโรคสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มทร.ศรีวิชัย ทุ่งใหญ่ โดยได้สื่อออนไลน์จำนวน 8 เรื่อง ได้สื่อออนไลน์สำหรับการเรียนการสอนการใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ของศูนย์วินิจฉัยและชันสูตรโรคสัตว์จำนวน 5 เรื่อง ได้แก่ 1) เครื่องปั่นเหวี่ยงความเร็วสูงแบบแนวนอน NF048 2) เครื่องวิเคราะห์ค่าเคมีในเลือดยี่ห้อ PKL125 3) เครื่องปั่นเหวี่ยงความเร็วสูงแบบแนวตั้ง NF200 4) เครื่องวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดยี่ห้อ IDEEXX และ 5) เครื่องวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดยี่ห้อ Mindray และการให้ความรู้เรื่องความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการจำนวน 3 เรื่อง ได้แก่ 1) การจัดการของเสียในห้องปฏิบัติการ 2) การจัดการความเสี่ยงในห้องปฏิบัติการ และ 3) ระบบการจัดการสารเคมี พบว่า การใช้สื่อออนไลน์ในการเรียนการสอนทำให้นักศึกษามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้สูงกว่าการเรียนแบบไม่ใช้สื่อออนไลน์แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ (P<0.05) และผลการประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาต่อสื่อออนไลน์ที่จัดทำขึ้น พบว่า นักศึกษามีความพึงพอใจในหัวข้อ ความสอดคล้องกับเนื้อหาปฏิบัติการ ความชัดเจนของภาพ ความชัดเจนของเสียงบรรยาย ความเหมาะสมกลมกลืนของเสียงดนตรี ความต่อเนื่องของรายการที่นำเสนอ ความเหมาะสมของลักษณะ ขนาด ตัวอักษร และก่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจต่อปฏิบัติการโดยมีคะแนนเฉลี่ยทุกหัวข้อมากกว่า 4.00 คือพึงพอใจมาก</p>
นันทพร ชูเรือง
จันทรัช มงกุฎเจริญ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-31
2025-08-31
2 2
10
19
-
การศึกษาอัตราส่วนดินผสมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของไม้พุ่มชายเลน เพื่อพัฒนาเป็นไม้ประดับในงานภูมิทัศน์
https://li04.tci-thaijo.org/index.php/stjrmutk/article/view/5091
<p>การทดลองในครั้งนี้ดำเนินการภายในเรือนเพาะชำสาขาเทคโนโลยีภูมิทัศน์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ทำการทดลองระหว่างวันที่ 20 เดือนเมษายน ถึงวันที่ 20 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2562 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสูตรดินผสมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของไม้พุ่มชายเลน 3 ชนิด ได้แก่ ฝาดดอกขาว ฝาดดอกแดง และขลู่ เพื่อพัฒนาเป็นไม้ประดับในงานภูมิทัศน์ ได้นำพืชทั้ง 3 ชนิด ปลูกในกระถางขนาด 12 นิ้ว แยกทำการทดลองแต่ละพืช มาทดลองกับดินผสม 5 สูตร ดังนี้ สูตรที่ 1 ดินร่วน ปุ๋ยคอก ขี้เถ้าแกลบ ขุยมะพร้าว อัตราส่วน 1:1:1:1 สูตรที่ 2 ดินร่วน ปุ๋ยคอก ขี้เถ้าแกลบ ขุยมะพร้าว อัตราส่วน 2:1:1:1 สูตรที่ 3 ดินร่วน ปุ๋ยคอก ขี้เถ้าแกลบ ขุยมะพร้าว อัตราส่วน 1:2:1:1 สูตรที่ 4 ดินร่วน ปุ๋ยคอก ขี้เถ้าแกลบ ขุยมะพร้าว อัตราส่วน 1:1:2:1 และสูตรที่ 5 ดินร่วน ปุ๋ยคอก ขี้เถ้าแกลบ ขุยมะพร้าว อัตราส่วน 1:1:1:2 แต่ละการทดลองวางแผนการทดลองแบบสุ่มอย่างสมบูรณ์ (Completely Randomized Design, CRD) โดยกำหนดให้ดินผสมทั้ง 5 สูตรเป็นสิ่งทดลอง แต่ละสิ่งทดลองทำซ้ำ จำนวน 10 ซ้ำ วิเคราะห์ผลทางสถิติ (ANOVA) โดยใช้โปรแกรม SPSS และเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยด้วยวิธี Duncan’s New Multiple Range Test (DMRT) ที่ระดับความเชื่อมั่น 95 และ 99% (P≤ 0.05 และ P≤ 0.01) ผลการทดลอง พบว่า ฝาดดอกขาว เจริญเติบโตได้ดีที่สุดในดินผสมสูตรที่ 4 และที่ 5 ในสัปดาห์ที่ 12 มีความสูง 14.00 และ 14.00 เซนติเมตร ตามลำดับ มีจำนวนใบที่แตกใหม่ 12.00 และ 10.80 ใบ ตามลำดับ ฝาดดอกแดง เจริญเติบโตได้ดีที่สุดในดินผสมสูตรที่ 4 และที่ 5 ในสัปดาห์ที่ 12 มีความสูง 15.03 และ 15.00 เซนติเมตร ตามลำดับ มีจำนวนใบที่แตกใหม่ 12.11 และ 11.25 ใบ ตามลำดับ ขลู่ เจริญเติบโตได้ดีที่สุดในดินผสมสูตรที่ 1 และที่ 5 ในสัปดาห์ที่ 12 มีความสูง 12.80 และ 11.80 เซนติเมตร ตามลำดับ มีจำนวนใบที่แตกใหม่ 12.80 และ 11.80 ใบ ตามลำดับ</p>
วัฒนา ณ นคร
สุรศักดิ์ ชูทอง
สุวรรณษา ชูเชิด
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-31
2025-08-31
2 2
20
28
-
การพัฒนาหลักสูตรอบรมระยะสั้น การเป็นผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียลมีเดีย สำหรับวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี
https://li04.tci-thaijo.org/index.php/stjrmutk/article/view/5110
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบและพัฒนาหลักสูตรอบรมระยะสั้นด้านการเป็นผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียลมีเดีย (Social Media Influencer) สำหรับวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี และเพื่อศึกษาระดับความรู้และความเข้าใจของผู้เข้ารับการอบรมก่อนและหลังเข้าร่วมกิจกรรม โดยมีรายวิชาที่ใช้ในหลักสูตรได้แก่ 1. การทำธุรกิจ 2. กลยุทธ์การตลาด 3. การตลาดในยุคดิจิทัล 4. การสื่อสารยุคดิจิทัล 5. ด้านการพัฒนาบุคลิกภาพ และ 6. การผลิตสื่อดิจิทัล กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ใน การวิจัยประกอบด้วยสมาชิกวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 30 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1. หลักสูตรอบรมระยะสั้นที่พัฒนาขึ้น และ 2. แบบประเมินความรู้และ ความเข้าใจของผู้เข้ารับการอบรม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนาเพื่ออธิบายข้อมูลพื้นฐาน และใช้การเปรียบเทียบผล คะแนนก่อนและหลังการอบรมเพื่อประเมินประสิทธิผลของหลักสูตร ผลการวิจัยนี้พบว่า หลักสูตรอบรมระยะสั้นด้านการเป็นผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียลมีเดีย มีผลต่อการเพิ่มพูนความรู้และความเข้าใจของสมาชิกวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรีอย่างมีนัยสำคัญ คะแนนเฉลี่ยความรู้ในทุกเนื้อหาที่ศึกษาเพิ่มขึ้นหลังการอบรม โดยมีค่าเฉลี่ยก่อนอบรม ทุกรายวิชาอยู่ที่ 5.12 และเพิ่มขึ้นเป็น 8.01 หลังอบรม ส่วนค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนทั้งก่อนและหลังอบรมมีค่า เฉลี่ยไม่แตกต่างกันอยู่ที่ 0.95 และ 0.9</p>
อัฐเดช วรรณสินธีรกร
แทนทัศน์ เพียกขุนทด
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-31
2025-08-31
2 2
29
34
-
การผลิตวิดีโอแอนิเมชัน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก
https://li04.tci-thaijo.org/index.php/stjrmutk/article/view/5157
<p>การศึกษามีพื้นฐานจากปัญหาที่พบว่านักเรียนระดับมัธยมศึกษามีทัศนคติที่ไม่ชื่นชอบการเรียนวรรณคดีไทย ส่งผลให้การเรียนรู้ขาดความสนใจและมีส่วนร่วมต่ำ ดังนั้นงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ผลิตวิดีโอแอนิเมชันดิจิทัลเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน “นารายณ์ปราบนนทก” (2) ประเมินคุณภาพของวิดีโอแอนิเมชัน และ (3) ศึกษาความพึงพอใจหลังการรับชมของกลุ่มศึกษา การวิจัยใช้ระเบียบวิธีวิจัยและพัฒนา (R&D) กับกลุ่มศึกษานักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนป้อมนาคราชสวาทยานนท์ จำนวน 38 คน เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย (1) วิดีโอแอนิเมชัน จำนวน 4 ตอน ความยาวเฉลี่ยตอนละ 7 นาที (2) แบบประเมินคุณภาพสื่อโดยผู้เชี่ยวชาญ และ(3) แบบสอบถามความพึงพอใจหลังการรับชม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่าคุณภาพด้านเนื้อหาอยู่ในระดับมาก (<em>x̄ </em> = 4.45, S.D. = 0.26) และคุณภาพด้านการผลิตสื่ออยู่ในระดับมาก (<em>x̄ </em>= 4.54, S.D. = 0.54) ความพึงพอใจของผู้เรียนต่อวิดีโอแอนิเมชันอยู่ในระดับมาก (<em>x̄ </em>= 3.57, S.D. = 0.18) ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าวิดีโอแอนิเมชันที่พัฒนาขึ้นสามารถสร้างความสนใจและเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของผู้เรียนต่อการเรียนรู้วรรณคดีไทยได้</p> <p> </p>
สุรศักดิ์ ศรีนอก
วิสิฐ ตั้งสถิตกุล
กฤษฎิ์สรัล พีรชาอัครชัย
ภัทรวรรธน์ ไกรปิยเศรษฐ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-31
2025-08-31
2 2
35
44